ข่าวปนคน คนปนข่าว
**วีรกรรม “ไก่-ภาษิต”ปล่อยเฟกนิวส์ ไม่คิดขอโทษ ถึงคราวชาวเน็ตเหลืออดแห่ “อวยยศช่อง 3” งานนี้ รมว.ดีอี จะ เชือดไก่ให้ลิงดูได้หรือยัง ?
ประเด็นร้อนว่อนโซเชียลฯ วันนี้โฟกัสไปที่การทำหน้าที่ และวีรกรรมของพิธีกรข่าว ช่อง 3 “ไก่ ภาษิต” ภาษิต อภิญญาวาท น้องรักของ “พี่ยุทธ” สรยุทธ ทัศนะจินดา แห่งรายการตระกูล “เรื่องเล่า” ขาใหญ่ของวงการนักเล่าข่าว จนทำให้ แฮชแท็ก “#อวยยศช่อง 3” ร้อนแรงติดอันดับต้นๆ ของชาวทวิตเตอร์แลนด์
เรื่องของเรื่องที่ชาวเน็ตเข้ามาอวยยศช่อง3 แบบเหมารถทัวร์กันมามากหน้าหลายตา ก็เนื่องมาจาก การนำเสนอข่าวของ “ไก่ ภาษิต” และ ช่อง 3 ที่มีตั้งแต่ เปิดพื้นที่ให้ “หมอบุญ” นพ.บุญ วนาสิน ประธานกลุ่มธนบุรีเฮลแคร์ (THG) ออกมาปั่นดีลโมเดอร์น่า เรื่อยมาจนถึงไฟเซอร์ทิพย์ ที่ไปๆมาๆกำลังจะถูกพิสูจน์ว่าอาจจะเข้าข่ายปั่นหุ้น หรือไม่
ตามมาด้วยกรณีที่”ไก่ ภาษิต” พูดในรายการ กล่าวหาสภากาชาดไทยที่สั่งวัคซีน mRNA โมเดอร์น่าได้ เพราะตัดล็อตของ”หมอบุญ” ทั้งๆที่ข้อเท็จจริง สภากาชาดไทย สามารถจัดหาได้เอง
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “ไก่ ภาษิต” บอกว่า คนไทยที่ข้ามไป “เก็บเห็ด” ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจนถูกจับกุมที่ลาว โดยว่า เรื่องร้ายกลายเป็นดี เพราะคนไทยเหล่านั้นได้ฉีดวัคซีน mRNA
ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันกว้างขวางในโลกโซเชียลฯ เพราะหลงเชื่อในข่าวของช่อง3 แต่ภายหลังสื่อ และทางการลาวได้ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง “เป็นเฟกนิวส์” ที่เตือนคนเสพข่าวต้องมีสติ ทำเอาวงการสื่อเมืองไทยแทบจะมุดดินหนีเพราะอับอายแทนเพื่อนร่วมอาชีพที่ “ปล่อยไก่” ปล่อยข่าวปลอมทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเดือดร้อน
เมื่อการทำหน้าที่ของสื่อ ยิ่งเป็นสื่อใหญ่ระดับนี้ไม่คิดจะตรวจสอบก่อนนำเสนอ ผิดซ้ำซาก โดยที่ช่อง 3 และ “ไก่ ภาษิต” ไม่คิดจะขอโทษ ที่นำเสนอเฟกนิวส์ ดังกล่าว จึงเป็นที่มาของชาวเน็ตเห็นว่า สมควร # อวยยศช่อง3 ว่ามาถึงยุคเสื่อม
ขณะเดียวกันชาวเน็ตบางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ช่อง3 เปลี่ยนไปในทางด้อยค่าลง ก็คงเป็นเพราะ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือที่มี กลุ่มใหม่ อย่าง “ตระกูลจุฬางกูร” เครือญาติ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เข้ามาบริหารหรือไม่
เอาเป็นว่า การอวยยศช่อง3 ตามภาษาแสลงของวัยรุ่นยุคเมืองทิพย์นี้ ต้องถือเป็นความที่ไม่ปลื้มการทำหน้าที่ของช่อง 3 ที่พลาดเสนอเฟกนิวส์ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รับผิดชอบ
ถามหาจรรยาบรรณของ “ฐานันดร4” ก็เฉยๆ องค์กรสื่อก็เฉยๆ ยิ่งกระทรวงดีอี ที่เน้นนักเน้นหนา กับการปราบปรามเฟกนิวส์ ก็ยังไม่มีทีท่าจะว่าอะไรกับวีรกรรมของช่อง3 ครั้งนี้
อย่ากระนั้นเลย ไหนๆ ก็เหลืออด ชาวเน็ตจึงใช้มาตรการทางสังคม จัดการแทนดีอี ซะเลย
งานนี้ก็ต้องถามไปถึง “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีดีอี ว่า ถึงเวลาเชือดไก่ให้ลิงดูได้หรือยัง ?
** ยินดีกับ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ ก.ตร.เปิดทางโล่ง เติบโตได้โดยไม่ติดเงื่อนไข “วิระชัย” ได้นั่ง รอง ผบ.ตร. รอเกษียณพร้อม “บิ๊กปั๊ด” ส่วน“สำราญ” ขึ้น ผบช.น.”จิรภพ” นั่ง ผบช.ก
แม้ปีนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะยังไม่เกษียณอายุราชการ แต่การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากีปีนี้ ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะไฮไลต์ ที่ถูกจับตา จะอยู่ที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) และ “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” รอง ผบ.ตร. ที่ได้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง
โดยที่ประชุม ก.ตร.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวานนี้ (5ส.ค.)ได้รับทราบ และดำเนินการตามที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ทุเลากรณี “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” โดยเปิดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. (เฉพาะตัว) เพิ่มขึ้นมา 1 ตำแหน่ง ส่วนจะรับผิดชอบด้านไหน อย่างไร ยังไม่มีการพูดถึง และการเปิดตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.” ดังกล่าวนี้ จะไม่มีผลต่อการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2564
เป็นอันว่า “พล.ต.อ.วิระชัย” ได้กลับมาเป็น รอง ผบ.ตร. ส่วนอนาคตจะมีโอกาสเป็น ผบ.ตร. หรือไม่นั้น…บอกได้เพียงว่า “พล.ต.อ.วิระชัย” จะเกษียณพร้อมกับ “บิ๊กปั๊ด” ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ในปี 2565
ส่วนกรณีของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) ที่มีหนังสือถึง ก.ตร. ขอให้ ก.ตร. ยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) ตามมติ ก.ตร.ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 นั้น ก.ตร.พิจารณาแล้วเห็นว่า ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9) ไม่ได้ปิดกั้นการเจริญก้าวหน้าแต่อย่างใด ยังเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสในการเจริญก้าวหน้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ ไม่ได้เป็นการปิดกั้น หรือเสียสิทธิใดๆทั้งสิ้น
นั่นหมายถึง เส้นทางที่จะขึ้นสู่ตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.”หรือ “รอง ผบ.ตร.” ของบิ๊กโจ๊ก ยังคงเปิดโล่ง
คราวนี้มาดูตำแหน่ง “บิ๊กสีกากี” ที่ว่างลง และแนวโน้มว่าใครจะมานั้น ปีนี้ ระดับ “รอง ผบ.ตร.” ว่าง 2 ตำแหน่ง คนที่ถูกจับตาคือ “พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์” ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 และ “พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน” ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2
ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าง 9 ตำแหน่ง ที่มีลุ้น อาทิ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 , พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบช.สงป., พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 , พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร., พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 ,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 , พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.
ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ว่าง 20 ตำแหน่ง คาดว่า จะมีการโยก พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร. เป็น ผบช.ปส., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.2 , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร. (สบ8) เป็น ผบช.ภ.9, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ภ.6, พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค. เป็น ผบช.สตม.
พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. ขึ้นเป็น ผบช.น., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ขึ้นเป็น ผบช.ก., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1เป็น ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเสรณี รอง ผบช.ภ.5 เป็น ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ.7 เลื่อนเป็น ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 เลื่อนเป็น ผบช.ภ.8
พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.กมค., พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เลื่อนเป็น ผบช.ทท., พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม รอง ผบช.ตชด. เลื่อนเป็น ผบช.ตชด., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบช.ภ.1 เลื่อนเป็น ผบช.ส., พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 เลื่อนเป็น ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส. เลื่อนเป็น ผบช.สทส., พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันท์ รอง ผบช.สกพ. เลื่อนเป็น ผบช.สกพ.
เหล่านี้คือ “โผ” แต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากี ที่รอ “บิ๊กตู่” ตรวจความเหมาะสมอีกครั้งในการประชุมนัดสิ้นเดือนส.ค.นี้

Source link